รมช.ศธ. ได้กล่าวถึงความก้าวหน้าในการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ก่อนเข้าสู่การบรรยายตามหัวข้อ ว่า พ.ร.บ.จัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษาฯ ผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้ว แต่ยังมี พ.ร.บ.ประกอบการจัดตั้งกระทรวงใหม่อีก 2 -3 ฉบับที่อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดใช้เวลาไม่เกินกลางเดือนหน้า (ธค.) เร่งให้ทันเลือกตั้ง หรือเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศ สร้างทรัพยากรมนุษย์รับการเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลก
จากนั้นจึงได้เริ่มบรรยายถึง ‘การเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของสถาบันอุดมศึกษา’ โดยได้พูดถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างการคาดการณ์เกี่ยวกับกำลังคนในอนาคต ยกกรณีธนาคารหลายแห่งที่ลดจำนวนสาขาหรือพนักงานลงเน้นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงได้ยกข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่านักศึกษาระดับปริญญาตรีลดจำนวนลงเรื่อยๆ รวมถึงระดับสูงกว่าปริญญาตรี อย่างปริญญาโทก็เช่นกันนั้นว่ามีเหตุจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเกิดลดลงหรือการผลิตกำลังคนไม่ตอบโจทย์ตลาดงาน โดยระบุว่ามีข้อมูลจากบริษัทเอกชนรายใหญ่ให้ความเห็นว่าต้องการให้นักศึกษาใช้เวลาเรียน 50% จากทั้งหมดตลอดหลักสูตร เรียนในสถานประกอบการจริง ผ่านการสอนโดยอาจารย์มหาวิทยาลัยร่วมกับผู้ประกอบการ
ทั้งยังได้กล่าวต่อว่า การจัดอันดับเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษา จากหน่วยงานต่างๆ นอกจากเป็นข้อมูลสำคัญในการเลือกเข้าศึกษาต่อได้แล้ว ยังเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนต่างชาติใช้ตัดสินใจลงทุนในประเทศนั้นๆ ด้วย เนื่องจากเป็นภาพสะท้อนคุณภาพกำลังคน เช่นเดียวกับข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนงานวิจัยหรือจำนวนสิทธิบัตร ที่บอกถึงความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ โดยประเทศที่อยู่ในอันดับต้น อาทิ สิงคโปร์ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
ศ.คลินิก นพ.อุดม บรรยายต่อถึงแนวทางต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยจากทั่วโลกปรับตัวเพื่อจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันว่า มหาวิทยาลัยในหลายประเทศเพิ่มเป้าหมายในการรับบุคคลเข้าศึกษาต่อ จากกลุ่มนักเรียนที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยังเพิ่มไปยังกลุ่มคนทำงาน ที่ต้องการเพิ่มหรือพัฒนาทักษะหรือเรียกว่า UP SKILL หรือ RE SKILL อย่างในประเทศไทย ในตลาดงาน มีเพียง 25% ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่สามารถรับเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยเพื่อ UP SKILL แล้วส่งคืนสู่ตลาดงานให้เร็วที่สุด ทั้งยังมีกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ปัจจุบันทวีจำนวนสูงขึ้นทั่วโลกตามที่เรียกว่าสังคมผู้สูงอายุ โดยตลาดงานยังต้องการแรงงานจากประชากรกลุ่มนี้ ซึ่งต้องการการ UP SKILL เช่นเดียวกันก่อนกลับสู่ตลาดงาน ทั้งยังมีงานวิจัยที่ระบุว่าผู้สูงอายุจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีเมื่อได้กลับสู่การทำงาน
นอกจากนี้บริษัทระดับโลก จำนวนหนึ่ง อย่าง กูเกิล ไอบีเอ็ม แอปเปิ้ล สตาร์บัค ฯลฯ ที่รับสมัครงานโดยไม่ต้องมีใบปริญญา หันมาให้ความสำคัญกับสมรรถนะในการทำงาน ที่จะทำให้มหาวิทยาลัยต้องปรับหลักสูตรและรูปแบบการเรียนการสอน ไม่เพียงเท่านั้น กูเกิล ยังเปิดหลักสูร IT ระยะเวลาเรียนเพียง 8 เดือน มีคนเรียนและจบการศึกษาแล้ว และมีหลายบริษัทที่รับคนกลุ่มดังกล่าวเข้าทำงานแล้ว ทั้งยังมีมหาวิทยาลัยในอเมริกา ที่ทำหลักสูตรปริญญาตรี โดยใช้เวลาเรียนเพียง 2 ปีแล้ว
“โจทย์ต่างๆ เหล่านี้ที่กำลังท้าทายมหาวิทยาลัยไทย เมื่อการเรียนรู้อย่างเป็นทางการ ทั้งสถานที่และเวลา จะไม่ถูกเลือก การเรียนการสอนที่เน้นสร้างสมรรถนะ ทักษะ ความรู้ ต่างหากที่สำคัญ ตลอดจนการเรียนการสอนแบบให้เสรีภาพกับผู้เรียนในการเลือกเรียนด้วยตัวเอง จะทำลายกำแพงของคณะ ของภาควิชา สื่อการเรียนการสอนมีหลากหลาย ทั้งออฟไลน์ ทั้งออนไลน์ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นสำคัญอย่างแท้จริง” รมช.ศธ. กล่าวถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยทั่วโลกกำลังปรับตัวเพื่อพัฒนากำลังคนให้เท่าทัน