“เก่งและต้องทำงานร่วมกับวิชาชีพและต่างวิชาชีพได้ รู้จักการทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหา มีความรักต่อชุมชน เข้าใจชุมชน” เป็นทิศทางที่สำนักวิชาจะพัฒนานักศึกษาไปให้ถึงจุดหมาย และยังระบุว่านอกจากการเรียนการสอนมุ่งสู่การแพทย์แล้ว ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะทางด้านภาษา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อการศึกษาต่อระดับสูงต่อไปหรือการทำงานแบบโลกไร้พรมแดนอย่างในปัจจุบัน
ทั้งได้อธิบายถึงแรงบันดาลใจของมหาวิทยาลัยและสำนักวิชาที่มีต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่า ในส่วนของปณิธานการปลูกป่าสร้างคน สะท้อนการให้ความสำคัญที่มีต่อทรัพยากรมนุษย์และทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนการทำงานในพื้นที่ห่างไกลด้วยความห่วงใยต่อประชาชนหวังให้เข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าการศึกษาหรือสาธารณสุขก็ตาม
“มฟล.อยากสร้างแพทย์ที่ดูแลสุขภาพประชาชนได้แบบองค์รวม อยากสร้างแพทย์ที่ทำงานกับชุมชนซึ่งตรงนี้ถือว่ายังขาดแคลนอยู่อย่างมหาศาล” รองอธิการบดีกล่าวกับผู้ปกครองและนักศึกษา ถึงเป้าหมายที่มีร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและนักศึกษา โดยการเรียนการสอนได้มีการวางแผนและออกแบบมาให้ความสำคัญกับวิชาการควบคู่กับการทำงานร่วมกับชุมชน การสร้างโอกาสให้นักศึกษาลงพื้นที่เพื่อผูกพันและมีประสบการณ์การทำงานในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
และในช่วงท้ายของกิจกรรม สำนักวิชาการต้อนรับนักศึกษาอย่างอบอุ่นด้วยการจัดให้มี ‘พิธีเรียกขวัญ’ ตามประเพณีทางภาคเหนือ